เมนูนำทาง
วิว-มาสเตอร์ ผลิตภัณฑ์ กล้องดูภาพสามมิติสีดำหน้ากลม เปิดแบบฝาหอยเพื่อใส่แผ่นรีล บานพับอยู่ด้านล่าง วัสดุเป็นพลาสติกโกดักเทไนท์ (Kodak Tenite) ข้อเสียคือ บิดโก่งตัวได้ ไม่คงรูปเดิม[21]
พ.ศ. 2481-2487 (1938-1944) [22]
หน้ากลม เปิดแบบฝาหอยเพื่อใส่แผ่นรีล (มองเห็นกลไกการหมุนรีล) บานพับอยู่ด้านล่าง[23] วัสดุเป็นพลาสติกโกดักเทไนท์ (Kodak Tenite) โดยทั่วไปมีสีดำ, ดำเจือสีอื่น และบางรุ่นเติมประกายมุก แม้จะมีการดีไซน์เสริมเส้นโครงสร้าง แต่ตัวกล้องก็ยังคงบิดโก่ง นอกจากนี้ยังพบปัญหาขณะส่องดู เห็นแสงเรืองรอบภาพสไลด์ (halo) ทั้งนี้เพราะ ผิววัสดุภายในท่อเลนส์ตาสะท้อนแสงเยอะ
พ.ศ. 2487-2490 (1944-1947)
เปลี่ยนวัสดุไปเป็น แบ็กกะไลต์ ซึ่งทนทานมาก รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนโมเดล เอ หน้ากลม เปิดใส่แผ่นรีลแบบฝาหอย ท่อช่องมองยืดยาวขึ้น มีสีดำ, น้ำตาล, น้ำเงิน และ สองสีดูโอโทน ดำ-น้ำเงิน (หน้ากากชิ้นรับแสง และถ้วยครอบตาเป็นสีดำ , ชิ้นส่วนด้านเลนส์ตาเป็นสีน้ำเงิน)
พ.ศ. 2489-2498 (1946-1955)
โมเดลนี้ได้ชื่อว่า เป็นกล้องสามมิติที่ดูเลิศหรูมากในยุคนั้น (Deluxe Stereoscope) กรอบหน้าเหลี่ยมตัดมุม มีสีดำเงา กับน้ำตาลเป็นหลัก เปลี่ยนระบบการใส่และเลื่อนรีลแบบใหม่ เป็นรุ่นแรกที่สอดแผ่นรีลลงทางช่องด้านบน ไม่ต้องเปิด-ปิดฝาอีก ชิ้นส่วนด้านช่องรับแสงกับด้านเลนส์ตา ถูกยึดประกบติดตายด้วยหมุดสีเงินเปิดออกไม่ได้ เลนส์ตามีกำลังขยายภาพ 5x ไม่มีถ้วยครอบตา คันสับเป็นแผ่นโลหะสีเงินมีตุ่มเล็กๆ สำหรับกด (โมเดลนี้ จดสิทธิบัตร ผู้ประดิษฐ์คือ กรูเบอร์)[24]
พ.ศ. 2498-2515 (1955-1972)
รุ่นนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดผลงานของวิว-มาสเตอร์ เป็นรุ่นแรกที่ต้องใช้แสงจากหลอดไฟในตัวกล้อง ไม่สามารถรับแสงจากภายนอก บอดี้หน้ากากชิ้นนอก(ฝาครอบรังถ่าน)ปิดทึบ มีแผ่นป้ายเพลทพิมพ์สีเงิน (หรือสีทอง) พร้อมอักษร VIEW-MASTER คาดยาวแนวนอนตรงกลางฝาครอบรังถ่าน ซึ่งใช้เป็น ปุ่มกดเปิด-ปิดไฟด้วย, ใช้ถ่านไซส์ D สองก้อน ใส่ถ่านด้วยการหมุนเฟืองเกลียวใต้กล้องเพื่อถอดชิ้นฝาครอบรังถ่านออก, ปุ่มกดปลายคันสับเลื่อนภาพออกแบบอย่างวิจิตรบรรจงในรายละเอียด, มีแผ่นเหรียญวงกลม(medallion)สีเงินแกะสลักเป็นตราโลโก้ ทำพิเศษแยกชิ้น ติดที่มุมบนซ้ายของบอดี้กล้องด้านใกล้ใบหน้า, กระจกเลนส์ตาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม (เลนส์ตารุ่นอื่น เป็นวงกลมทุกรุ่น) เพิ่มกำลังขยายเป็น 7x และเป็นรุ่นเดียวที่ ปรับโฟกัสสายตาได้ (focusing viewer) ด้วยการใช้นิ้วชี้มือขวาหมุนเฟือง น้ำหนักรวมค่อนข้างหนักพอควร วัสดุแบ็กกะไลต์ (เบคิไลต์) สีหลักมีสองสี คือ สีดำ กับ สีน้ำตาล (กล้องสีน้ำตาลมีรายงานว่าพบปัญหา เกิดแสงเรืองรอบภาพสไลด์ halo ขณะส่องดูภาพ เพราะผิววัสดุภายในท่อเลนส์ตาสะท้อนแสงจากสไลด์)
พ.ศ. 2498-2504 (1955-1961)
วัสดุแบ๊กกะไลต์ สีหลักคือสีน้ำตาลเข้ม ปรับดีไซน์ให้โมเดิร์นขึ้น ช่องใส่แผ่นรีลตัดเป็นคอวี ช่วยให้จับดึงแผ่นรีลออกง่ายขึ้น ปุ่มกดเลื่อนภาพขนาดใหญ่สีงาช้าง ก้านคันสับโลหะ รุ่นนี้มีผลิตในหลายประเทศ และรายละเอียดแตกต่างกันไปเล็กน้อย ที่ประหลาดหน่อยก็คือรุ่นผลิตในสเปน ตัวกล้องสีดำ ปุ่มกดเลื่อนภาพสีแดง และพิมพ์โลโก้ VM กลับหัว
พ.ศ. 2502-2509 (1959-1966)
เป็นรุ่นสุดท้ายที่ใช้วัสดุแบ๊กกะไลต์ รูปร่างหน้าตาสีสันคล้ายๆ โมเดล อี, หน้ากากชิ้นนอก(ฝาครอบรังถ่าน)ปิดทึบ รับแสงจากภายนอกไม่ได้ ใช้แสงจากหลอดไฟในตัว ถ่านไซส์ C สองก้อน, ปุ่มเปิด-ปิดไฟเป็นพลาสติกแผ่นยาวสีงาช้างอยู่ด้านบน กดแช่ด้วยนิ้วชี้สองมือ มีเพลทป้ายชื่อสีทองคาดยาวใต้แนวใส่แผ่นรีล ปุ่มกดคันสับเลื่อนภาพทรงสามเหลี่ยมสีงาช้าง โทนสีดูกลมกลืนงดงาม ออกแบบภายใต้การนำทีมโดย ชาร์ลส ชัคค์ แฮริสัน (Charles "Chuck" Harrison) เลนส์ตามีกำลังขยาย 5.5x ผลิตในอเมริกา และเบลเยี่ยม
ประมาณช่วงปี พ.ศ. 2502-2504 (1959-1961)
ชิ้นส่วนทำจากพลาสติก รอยต่อบานพับติดด้วยกระดาษกาว พับเก็บแล้วแบนราบ มีหนังสติ๊กอยู่ด้านในช่วยดึงรั้งให้ชิ้นส่วนตั้งขึ้นรูปคงสภาพกล่อง การเลื่อนภาพต้องใช้นิ้วหมุนแผ่นรีลเอง [26] ออกแบบโดย เค็นเน็ธ โกลเด้น (Kenneth E Golden)[27] ผลิตโดย ซอว์เยอร์ส ปัจจุบันหาได้ยากมาก
พ.ศ. 2502-2520 (1959-1977)
โมเดลนี้ ถือว่ายุคเปลี่ยนครั้งใหญ่อีกครั้ง ด้วยการปรับให้ กล้องวิว-มาสเตอร์ เป็นสินค้าประเภทของเล่น เน้นกลุ่มเป้าหมายเด็ก (จากเดิมที่กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใหญ่, ช่างภาพ, ผู้ที่ชื่นชอบดูภาพทิวทัศน์-สิ่งของ สามมิติ) ชาร์ลส แฮริสัน (Charles Harrison) [28] เป็นผู้ออกแบบปรับโฉมวิว-มาสเตอร์ใหม่ ช่วงปี พ.ศ. 2501 (ค.ศ.1958) รูปทรงกล้องกระทัดรัดเหมาะมือ น่าจับต้อง ดูเป็นมิตรใช้งานง่าย, มีการเปลี่ยนวัสดุจากเบคิไลต์ไปใช้เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic) ทำให้น้ำหนักเบา ทนทานขึ้น ปุ่มกดเป็นพลาสติกแต่ก้านคันสับยังเป็นโลหะ มีรุ่นย่อยมากมาย สีที่ติดตาคือ แดง-ขาว (สองสีดูโอโทน), สีเบจ, สีแดงล้วน, สีขาว (off-white) สีฟ้า และอีกสารพัดสี ในตลาดอเมริกามีการทำบรรจุภัณฑ์ใหม่ เป็นถังทรงกระบอกพิมพ์ภาพลวดลายสีสันสดใสดึงดูดใจเช่นกัน ทำให้สินค้าวิว-มาสเตอร์ โด่งดังขึ้นอีก ยอดขายถล่มทลาย โมเดลนี้จัดเป็นรุ่นมาตรฐานรุ่นหนึ่ง ผลิตจำหน่ายยาวนานกว่า 20 ปี บอดี้กล้องมีทั้งปัมป์โลโก้ซอว์เยอร์ส และโลโก้กาฟ
ปี พ.ศ. 2509 (1966) ซอว์เยอร์ส ถูกซื้อกิจการโดย กาฟ (General Aniline & Film (GAF) Corporation)
พ.ศ. 2509-2524 (1966-1981)
เป็นรุ่นที่มีหลอดไฟในตัว (Lighted Viewer) ฝานอกปิดทึบ กล้องที่ผลิตในอเมริกากับยุโรป มีรูปทรงหน้าตาไม่เหมือนกัน แต่จัดเป็นโมเดลเดียวกัน
ช่วงปีพ.ศ. 2513-2524 (~1970-1981)
ตัวกล้องขนาดใหญ่เพราะบรรจุเครื่องเล่นแผ่นเสียง, ลำโพง ไว้ในตัวเครื่อง ใส่ถ่านไซส์ C สองก้อน แผ่นเสียงมีลักษณะเป็นพลาสติกใส เกาะกับรีลภาพที่จุดศูนย์กลางแต่หมุนได้อิสระ ขั้นตอนการใช้งานค่อนข้างวุ่นวาย เมื่อใส่แผ่นรีลและกดคันสับตั้งต้นที่ภาพแรก ให้กดปุ่มรีเซ็ทที่ชิ้นฝาหลัง(อยู่ตรงกลางเหนือแผ่นรับแสง)เพื่อตั้งไฟล์เสียงไปยังแทร็คแรก จากนั้นกดปุ่ม "Sound Bar" ที่ฝาหลังด้วยสองนิ้ว เข็มของเครื่องเล่นแผ่นเสียงจึงจะเริ่มเล่นแทร็คแรกแล้วหยุด คุณภาพเสียงไม่ค่อยดีนัก เสียงรบกวนก็ค่อนข้างเยอะ[31], บรรจุภัณฑ์บางรุ่นเป็นกระป๋องทรงกระบอก Gift Pak ขายกล้องพร้อมแผ่นรีลหลายแผ่น
มี 3 รุ่นย่อย[32]
ชื่อ ทอล์คกิ้ง ยังถูกใช้ผลิต อีก 2 โมเดลที่ปรับปรุงพัฒนาต่อมา หน้าตากล้อง และระบบภายในแตกต่างกันค่อนข้างมาก
GAF COMPACT FOLDING VIEWERช่วงปีพ.ศ. 2513-2517 (~1970-1974)
เป็นพลาสติกพับแบน แถมไว้ท้ายเล่มกับหนังสืออ้างอิงทางด้านการแพทย์ ตีพิมพ์โดย Mosby [35] เมื่อประกอบเป็นกล้องแล้วไม่ควรพับเก็บกลับ ใส่รีลทางด้านบน แล้วใช้นิ้วหมุนแผ่นรีลเพื่อเลื่อนภาพเอง ออกแบบโดย George H Patton[36] ผลิตโดย GAF
พ.ศ. 2518-2537 (1975-1994)
แรกเริ่มผลิตในเบลเยี่ยม ด้วยความที่การติดต่อสื่อสารทางไกลจากอเมริกาไปฝั่งยุโรป และสำเนียงภาษาต่างกัน นำมาซึ่งความสับสนการออกเสียงระหว่าง ตัวอักษร เจ (J) กับ จี (G) รุ่นนี้จึงมักเรียกแทนด้วยหมายเลข 10 (เพราะอักษร J เป็นอักษรตัวที่ 10 ในภาษาอังกฤษ) มีชื่อเต็มว่า ยูโรเปี้ยน โมเดล 10 (European Model 10)[37] ทำออกมาสารพัดสี โดยมีสีแดงเป็นหลัก มีรุ่นพิเศษ เช่น สีม่วง ในวาระเฉลิมฉลองพิธีสมรสของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส กับ เลดี้ ไดอาน่า วันที่ 29 กรกฎาคม 2524 (1981) ประเทศอังกฤษ ผลิตโดย GAF
โมเดจ เจ รุ่นนี้มีผลิตโดย VM International ซึ่งจะเปลี่ยนโลโก้ GAF เป็นคำว่า 3D ในกรอบสี่เหลี่ยม[38]
"กล้องอวกาศ (space viewer)", "กล้องตากลม (eyeball viewer)"
ผลิตในช่วงพ.ศ. 2518-2527 (1975-1984) โดย กาฟ ทำในเบลเยี่ยมเท่านั้น
โมเดลนี้อิงกระแสเรื่องการส่งมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์ ชิ้นส่วนด้านนอกที่เป็นแผ่นรับแสงผิวฝ้าขุ่น ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ บอดี้ตีโป่งโค้งทรงกลมโปนเหมือนหน้ากากนักบินอวกาศ มีสารพัดสี เช่น ดำ แดง ส้ม เขียวอ่อน สีทอง และสีเงิน ซึ่งหายากมาก, สีมาตรฐานคือ แดง คันสับสีดำและก้านเป็นพลาสติกเนื้อเดียวกับจานประกับแผ่นรีล
พ.ศ. 2519-2522 (1976-1978)
European Lighted Viewer
เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจากโมเดล เค แต่ฝาหลังตัดตรงปิดทึบไม่ตีโป่ง มีโลโก้ กาฟ ใช้แสงจากหลอดไฟใส่ถ่านหรือเสียบไฟจากอแดปเตอร์ ปุ่มกดเปิด-ปิดไฟอยู่ทางซ้ายมือ ผลิตจำนวนน้อยในเบลเยี่ยมเท่านั้น สีมาตรฐานคือ สีเทาปุ่มกดดำ, สีแดงปุ่มกดขาว และสีน้ำเงินปุ่มกดดำ [40]
พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน (1977-)
เป็นรุ่นยอดนิยมมาก ผลิตต่อเนื่องยาวนานจนถึงปัจจุบัน สีที่เป็นสัญญลักษณ์ของรุ่นนี้คือสีแดง รุ่นแรกๆ ที่ผลิตโดย กาฟ ปุ่มกดเป็นลูกทรงกลมสีส้ม-ก้านคันสับโลหะ เมื่อกาฟขายวิว-มาสเตอร์ออกไปก็มีการเปลี่ยนวัสดุชิ้นส่วนภายในเป็นพลาสติกเนื้อเดียวกันหมด ตั้งแต่จานประกับแผ่นรีล-ก้านคันสับ-ปุ่มกดรูปวงกลมแบนสีส้ม และอีกจุดสังเกตคือ โลโก้ GAF ตัวนูน ที่มุมบนซ้ายของฝาหลัง (ชิ้นส่วนด้านรับแสง) ก็เปลี่ยนเป็นคำว่า "3D" ตัวนูนแทน
ช่วงยุคโมเดลนี้ วิว-มาสเตอร์ มีการเปลี่ยนบริษัทถือครองถึง 4 บริษัท จาก GAF ไปเป็น VMI (View-Master International Group) แล้วรวมกับ Ideal พ.ศ. 2529(1986) เป็น VM Ideal และปี พ.ศ. 2532(1989) ถูกซื้อกิจการไปโดย Tyco ซึ่งก็ผลิตโมเดลนี้ออกมาตลอด มีรุ่นย่อยมากมาย สารพัดสี สารพัดลาย
ปัจจุบัน ไทโค ควบรวมเป็นแผนกหนึ่งในฟิชเชอร์-ไพร้ซ์ ของ แมทเทล (Mattel ) ก็ยังคงผลิตโมเดลนี้อยู่
พ.ศ. 2525-2528 (1982-1985)
บริษัท โทมี่ ซื้อสิทธิ์จาก VM International ไปผลิตขายในญี่ปุ่น โดยใช้รุ่น แอล มาตรฐานสีแดง-ก้านพลาสติกสีส้ม และ กล้องสีดำ ก้านสีแดง มีโลโก้ Tomy ปัมป์นูนบนตัวกล้อง บรรจุแพ็คขายเป็นเซ็ท พร้อมรีลสามแผ่น [41]
มีการใช้กล้องวิวมาสเตอร์สกรีนโลโก้บริษัทอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการขาย บางครั้งผลิตเป็นชุดของขวัญพร้อมแผ่นรีล เช่น คิตตี้, อีเบย์, ไอ้แมงมุม, บาร์บี้ ฯลฯ [42]
พ.ศ. 2547 (2004)
ออกชุดเซ็ทเนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปี (65th Anniversary Collection Set) แพ็คเกจใหญ่โตโอฬาร ตัวกล้องใช้โมเดลแอล(L)สีแดงโครเมี่ยม ปุ่มกลมแบนสีน้ำเงิน (เป็นพลาสติกเนื้อเดียวกับก้านคันสับและจานประกับรีล) มาพร้อมกับแผ่นรีล 8 แผ่น รวมภาพเหตุการณ์สำคัญๆ ในแต่ละทศวรรษ ผลิตโดย ฟิชเชอร์-ไพร้ซ (แม็ทเทล) เม็กซิโก[43]
ทำเฉพาะส่วนใบหน้าตัวคาแร็คเตอร์ ติดประกอบทับบอดี้ฝาหลัง (ชิ้นส่วนรับแสง)[44]
พ.ศ. 2527(1984) ผลิตโดย กาฟ
ชื่อรุ่นยังคงใช้คำว่า ทอล์คกิ้ง แต่ปรับปรุงระบบใหม่ไม่เหมือนรุ่นแรก แผ่นรีลภาพและแผ่นเสียงวางเรียงกันแนวดิ่งบนแผ่นคาร์ทริดจ์ เสียงออกทางลำโพงในตัว หรือเสียบหูฟัง ปรับความดังของเสียงได้ ระบบการใช้งานดีขึ้น แต่ก็มีเสียง "บี๊บ" เตือนบ่อยครั้งจนกลายเป็นรบกวน ตัวเครื่องสีขาว ปุ่มกดสีแดง ใช้ไฟ 6V ได้ทั้งจากถ่าน หรือหม้อแปลง [47]
พ.ศ. 2529-2533 (1986-1990)
รุ่นหน้ากากดำน้ำ เป็นรุ่นเดียวของวิวมาสเตอร์ ที่ใช้การเลื่อนเปลี่ยนภาพ ด้วยระบบปุ่มกดสีเหลือง (push-button) บอดี้ฝาหลังใส(ฝ้านิดๆ) เห็นกลไกการหมุนแผ่น และใช้ช่วยกระจายแสงเข้า บอดี้ฝาหน้ามี 2 รุ่นคือสีแดง กับรุ่นสีฟ้า ผิวฝาหน้าสลักอักษรเป็นร่องว่าออกแบบโดย Design Logic ส่วนชื่อนักประดิษฐ์บนสิทธิบัตรคือ Martin Thaler, Alan G. Lewis, David M. Gresham [48] ผลิตโดย View-Master Ideal Group
พ.ศ. 2535-2541 (1992-1998)
รุ่นฟักทอง เป็นรุ่นเดียวที่รับแสงได้ 2 ระบบ คือส่องดูกับแหล่งกำเนิดแสงภายนอกแบบปกติ หรือใช้แหล่งกำเนิดแสงจากหลอดไฟใส่ถ่านในตัวกล้อง สีหลักคือ สีส้มแดง ผลิตโดย ไทโค ทอย
กล้องวิวมาสเตอร์มินิรุ่นนี้เป็นของแถมเมื่อซื้อ แม็คโดนัลด์ แฮปปี้มีล ในบราซิล มาพร้อมกับรีล 1 แผ่น บรรจุในถุงพลาสติก มี 4 สีให้เลือก เนื่องจากเป็นเพียงของแถมสำหรับเด็ก คุณภาพการผลิตจึงค่อนข้างต่ำ การประกอบ-ให้วางแผ่นรีล บนชิ้นส่วนที่เป็นแผ่นฝาจุก แล้วยึดประกบกับตัวกล้อง การเลื่อนภาพ-กดไปบ้างไม่ไปบ้าง, ต่อมามีการผลิตโมเดลนี้เพื่อโปรโมทภาพยนตร์ Toy Story พ.ศ. 2538(1995) ในออสเตรเลีย [49]
(Digital Talking View-Master 3D Viewer) พ.ศ. 2540(1997)
ผลิตโดยไทโค (แมทเทล) ใช้ชื่อว่า ทอล์คกิ้ง เป็นรุ่นที่สาม แต่ระบบไม่เหมือนกับสองรุ่นแรก เพราะมีไมโครชิปที่ฝังในกล้องเพื่อเล่นไฟล์เสียงแบบดิจิตอลแท้ ต้องใช้กับตลับคาร์ทริดจ์ทำขึ้นเฉพาะ ดูภาพสามมิติได้ 16 ภาพ (กล้องรุ่นนี้ไม่สามารถเล่นแผ่นรีลแบบปกติ) ใส่ถ่าน AA 3 ก้อน ตัวเครื่องทรงแนวนอนสีแดง-ขาว-ดำ รับแสงจากด้านบน รุ่นนี้มักผลิตเพื่อโปรโมทแอนิเมชันหรือภาพยนตร์ เช่น แบทแมน (The Adventures of Batman & Robin 1993) พ.ศ. 2536[50], จูราสสิค พาร์ค 3 เดอะ ลอสต์ เวิลด์ พ.ศ. 2544(2001) [51] (ดูภาพกล่องด้านหน้า-หลัง[52]) ด้านหน้าแพ็คพิมพ์ Tyco ส่วนด้านหลังพิมพ์ Mattel
พ.ศ. 2541-ปัจจุบัน (1998-)
บอดี้ทรงลูกรักบี้ แผ่นรับแสงรูปรีผิวฝ้าขุ่น ตีโป่งโค้งเป็นชิ้นเดียว เลนส์ตาเพิ่มกำลังขยายสูง มองเห็นภาพใหญ่กว่าทุกรุ่น แต่ก็มีปัญหาเรื่องคุณภาพของเลนส์ที่ให้ภาพผิดเพี้ยน และมีสีเหลือบฟ้าตามขอบ ถูกนำไปจัดชุดส่งเสริมการขายติดแบรนด์อื่นมากมาย ตัวกล้องมีสีหลากหลาย และแบบ สีใส (see-through) อีก 4 สี (ในภาพตัวอย่างเป็นสีชมพูใส) ผลิตโดย ฟิชเชอร์-ไพรซ์ (Fisher-Price) ชิ้นฝาหน้าตรงร่องจมูกมีตัวนูน แมทเทล 1998 ผลิตใน เม็กซิโก
Convertible binocular/stereoscopeพ.ศ. 2541-2543 (1998-2000)
ด้วยการหมุนสวิชทางซ้ายมือเพื่อพับ-ยกกระจกเงา ก็จะเลือกใช้เป็นกล้องดูภาพสามมิติ หรือกล้องส่องทางไกลแบบสองตา คุณภาพเลนส์ส่องทางไกลระดับของเด็กเล่นยังไม่ค่อยคมชัดนัก มีกำลังขยาย 4 เท่า เส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์วัตถุขนาด 12 มิลลิเมตร (4X12, 104.5 ม. @ 1000 ม.) ปรับเลื่อนความห่างของเลนส์ตาได้, แผ่นรีลวางตัวแนวนอนอยู่ทางด้านบน ฝาครอบเป็นแบบใส และพิมพ์ลายเส้นรูปแผนที่โลก ทำผิวบางส่วนฝ้าเพื่อช่วยกระเจิงแสงตรงช่องรับแสง การใส่แผ่นรีลต้องสอดเข้าจากด้านใกล้ตัว และหงายคำบรรยายภาพขึ้น แสงจากด้านบนจะสะท้อนกระจกเงามาที่เลนส์ตาอีกที ออกแบบโดย Jeffrey J. Miller, Peter F. Reile, Stephen D. Fantone[53] มีหลายสี และมักขายเป็นชุดเซ็ตพร้อมแผ่นรีลร่วมกับสินค้าอื่น เช่น ภาพยนตร์ ทอย สตอรี่ ภาค 3 (Toy Story 3) หรือเป็นแผ่นสารคดีร่วมกับ ดิสคัฟเวอรี่ แชนแนล ใช้ชื่อบนแพ็คเกจว่า Discovery Channel View-Master Binocular Viewer ผลิตโดยฟิชเชอร์-ไพร้ซ์
Discovery Kids Microscope & 3D Viewer Kit
ดิสคัฟเวอรี่แชนแนล ออกชุดคิทรุ่นพิเศษ เป็นกล้องจุลทรรศน์ และสลับเป็นกล้องดูภาพสามมิติวิว-มาสเตอร์ รูปลักษณ์คล้าย VM รุ่นกล้องส่องทางไกลแล้วต่อขาวางจานใส่สิ่งของ กับตัวหมุนปรับระดับความสูงเลื่อนขึ้น-ลง บอดี้สีเขียวอ่อน-เหลือง-ม่วง เลนส์คุณภาพไม่ดีนัก กำลังขยาย 5X [54] เน้นให้เด็กเล็กคุ้นเคยกับการใช้กล้องจุลทรรศน์ ส่องแมลงตัวเล็ก หรือผีเสื้อ ชุดคิทมาพร้อมแผ่นรีล Bug Micro-Adventure 3 แผ่น ผลิตโดย ฟิชเชอร์-ไพร้ซ์ [55]
(Horizontal Viewer)พ.ศ. 2545-ปัจจุบัน (2002-)
รูปร่างเหมือนกล้องส่องทางไกลแบบสองตา ออกแบบให้แผ่นรีลวางแนวนอนด้านบน ช่องสอดแผ่นรีลอยู่ด้านไกลตัว (ทิศตรงข้ามกับรุ่น กล้องส่องทางไกล/ดูภาพสามมิติ) และหงายคำบรรยายขึ้น แสงเข้าทางด้านบนแล้วจะสะท้อนกับกระจกหักมุมมาสู่เลนส์ตา ช่วยให้ภาพสว่างชัดเจนดี กดเปลี่ยนภาพด้วยนิ้วโป้งมือขวา มีกลไกทดเฟืองคันสับ ช่วยให้ระยะกดเลื่อนภาพสั้นลง
โมเดล โอ รุ่นแรกๆ จะมีถ้วยครอบตา (ฮู้ด) เป็นยางนิ่มๆ สีดำอีกชิ้น แต่รุ่นย่อยถัดมาก็ตัดออกแล้วเพิ่มตะขอแขวน (Hang clip) เพื่อแขวนโชว์ ณ จุดขาย (ประหยัดค่าทำแพ็คเกจกระดาษ) มีสารพัดสีสัน และมักจัดขายเป็นกิฟต์เซ็ท พร้อมแผ่นรีล ผลิตโดยฟิชเชอร์-ไพร้ซ์
พ.ศ. 2548 (2005, 2014)
คล้ายโมเดลโอ วางแผ่นรีลแนวนอนด้านบนเหมือนกัน แต่เพิ่มชิป (chip)เสียงฝังไว้ในตัวกล้องสีเงิน สล็อตสำหรับเสียบตลับคาร์ทริดจ์เสียง(และแผ่นรีล)อยู่ทางด้านไกลตัว ตลับเสียงออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งติดอยู่กับตลับเก็บรีล เสียงออกทางลำโพงสีส้มตัวเดียวทางซ้ายสัมพันธ์กับการกดเลื่อนรีลแต่ละภาพ มีปุ่มสีส้มกดเพื่อเล่นไฟล์เสียงซ้ำ มีสวิชเลื่อนเพื่อปิด-เปิด-เพิ่มความดังเสียงอยู่ด้านข้าง รุ่นนี้จะแถมแผ่นตัวอย่างมาให้ 1 แผ่น ถ่าน AAA 2 ก้อน พร้อมฝังไฟล์เสียงตัวอย่างไว้ในกล้องเลย ผลิตโดยฟิชเชอร์-ไพร้ซ์
พ.ศ. 2550 (2007)
รุ่นเฉพาะของ ดิสคัฟเวอรี่ แชนแนล (Discovery Channel) ตัวเครื่องเป็นทรงแนวตั้งสีม่วง ใช้ตลับเสียงเหมือนกับซุปเปอร์ ซาวด์ แต่เสียบแนวดิ่งด้านบน แผ่นรีลก็เสียบด้านบน(คล้ายรุ่นมาตรฐานทั่วไป) ผิวฝาหลังผิวกึ่งฝ้ากึ่งใส มีลายเส้นแผนที่โลก พร้อมโลโก้ Discovery Channel ปุ่มคันสับเลื่อนภาพสีเขียวอ่อน ปุ่มกดฟังเสียงซ้ำสีส้ม โดยฟิชเชอร์-ไพร้ซ์ (ฝาหน้ากล้อง มีตัวนูน คำว่า แมทเทล 2007 ผลิตในจีน) [56]
(IMAX Experience Pocket Viewer)
ตัวกล้องจับถือดูแนวนอน ขนาดเล็กกระทัดรัด ภายในมีภาพสามมิติ 18 ภาพ ผลิตโดย ฟิชเชอร์-ไพรซ์ (Fisher-Price)
พ.ศ. 2544 (2001)
ทำเฉพาะเพื่อโปรโมตภาพยนตร์แฮรี่ พอตเตอร์ ภาคแรก ไม่ได้ใช้รีลวงกลม แต่ใช้เปลี่ยนการ์ดภาพทีละแผ่น การ์ดมีทั้งหมดประมาณ 60 ใบ (ปัจจุบันก็ยังออกไม่ครบ) ด้านหลังของการ์ดเมื่อนำมาวางเรียงเข้าด้วยกันจะได้รูปภาพขนาดใหญ่ ผลิตโดย ฟิชเชอร์-ไพรซ์ (Fisher-Price)
พ.ศ. 2558-ปัจจุบัน
กล้องดู สภาพสามมิติรอบตัวเสมือนจริง ต้องใช้ร่วมกับ สมาร์ตโฟน ที่มีกล้องหน้า, เซนเซอร์ตรวจจับการหมุนการเอียง และติดตั้ง app
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558(2015) แมทเทล ประกาศความร่วมมือกับ กูเกิล (Google) ทำผลิตภัณฑ์ View-Master Viewer DLX โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเวอร์ชวลรีอาลลิตี้ ของกูเกิ้ลการ์ดบอร์ด (Google Cardboard VR) ดูภาพเคลื่อนไหวสามมิติบนสมาร์ตโฟน และส่องดูแอนิเมชันแบบอ๊อกเมนเต็ดรีอาลริตี้ โดยใช้กล้องส่องไปที่แผ่นพรีวิวรีล วางจำหน่ายช่วงปลายปี พ.ศ. 2558
ปลายปี พ.ศ. 2559(2016) กำลังจะวางจำหน่าย Mattel View-Master VR 2.0 ปรับปรุงจากรุ่นแรก ให้รองรับสมาร์ตโฟนขนาดเล็กได้เพิ่มขึ้น ปรับระยะสายตาได้ เสียบหูฟังได้ ฯลฯ
เมนูนำทาง
วิว-มาสเตอร์ ผลิตภัณฑ์ กล้องดูภาพสามมิติใกล้เคียง
แหล่งที่มา
WikiPedia: วิว-มาสเตอร์ http://phsc.ca/MA-W-Sell/view-master-119.jpg http://phsc.ca/MA-W-Sell/view-master-20.jpg http://phsc.ca/View-Master.html http://www.3dstereo.com/Merchant2/merchant.mvc?Scr... http://www.3dstereo.com/Merchant2/merchant.mvc?Scr... http://www.3dstereo.com/viewmaster/ssp-prc.html http://www.3dstereo.com/viewmaster/vvn-mic.html http://auction.catawiki.com/kavels/6817699-view-ma... http://www.collectorsweekly.com/toys/ideal http://www.ebay.com/itm/Talking-View-Master-3-D-Vi...